study abroad
SINGAPORE

การศึกษาก่อนวัยเรียน (อนุบาล)

เด็กๆ จะเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาลซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของเอกชน ตั้งแต่อายุ 3-6 ขวบ เพื่อเตรียมความพร้อมในระดับประถมศึกษา ศูนย์ดูแลเด็กส่วนใหญ่สามารถรับนักเรียนได้ตลอดทั้งปี

ระดับประถมศึกษาจะใช้เวลาเรียน 6 ปี แบ่งเป็นประถมศึกษาตอนต้น 4 ปี (Four Year Foundation Stage) และประถมศึกษาตอนปลาย 2 ปี (Two Year Orientation Stage)

การศึกษาในระดับนี้จะเน้นที่ความสามารถในการอ่านออกเขียนได้และการคำนวณ เด็กๆ จะเรียนวิชาพื้นฐานเหมือนกันเพื่อให้มีพื้นฐานที่ดีในด้านภาษาอังกฤษ ภาษาแม่ และคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีวิชาเสริมอื่นๆ เช่น ศิลปะ และงานฝีมือ สังคมศาสตร์ จริยธรรม ดนตรี พลศึกษา ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์จะเริ่มเรียนกันในชั้นประถมปีที่ 3 มีงานโปรเจ็คที่ได้รับมอบหมายบ้าง แต่ไม่มีผลต่อการสอบประเมินผล เพื่อให้เด็กๆ สามารถนำศักยภาพของตนเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เด็กๆ จะได้รับการประเมินความสามารถ และความถนัดของตนเมื่อจบชั้นประถมปีที่ 4 จะมีการแบ่งแผนการเรียนออกเป็น 3 แบบคือ

• EM 1 สำหรับผู้ที่ทำคะแนนได้ดีในภาษาอังกฤษ ภาษาที่สอง และคณิตศาสตร์ จะได้เรียนภาษาอังกฤษ และภาษาที่สองในระดับสูง
• EM 2 เป็นระดับมาตรฐานของนักเรียนส่วนใหญ่
• EM 3 สำหรับนักเรียนที่ไม่ถนัดทางด้านภาษา และคณิตศาสตร์ ซึ่งจะได้เรียนวิชาภาษอังกฤษขั้นพื้นฐาน ส่วนภาษาแม่จะเน้นที่ทักษะการพูด การอ่าน และการฟังเพื่อความเข้าใจ

หลังจากสอบวัดผลประถม 6 ภายในโรงเรียนเสร็จสิ้น เด็กๆ จะต้องสอบอีกครั้งที่เรียกว่า Primary School Leaving Examination (PSLE) คือการสอบแข่งขันทั้งประเทศเพื่อขึ้นชั้นมัธยมที่เลือกไว้หนึ่งในหก (ให้เลือกในช่วงเดือนสิงหาคม)

การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาจะแบ่งเป็นหลักสูตร 4 และ 5 ปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผลการสอบ PSLE ของนักเรียนเป็นหลัก

ระบบการเรียนแบบเร็วพิเศษ (Special & Express Course) คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-4 จะใช้เวลาเรียน 4 ปี เน้นการเตรียมตัวให้นักเรียนสอบ GCE “O” (The Singapore Cambridge General Certificate of Education “Ordinary”) ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ระบบการเรียนแบบปกติ (Normal Course) คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-5 แบ่งการเรียนการสอนเป็น Academic และ Technical ใช้เวลาเรียน 5 ปี เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 นักรียนจะต้องสอบ GCE “N” (The Singapore Cambridege General Certificate of Education “Normal”) ถ้าสอบได้คะแนนดี นักเรียนสามารถเรียนต่อมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อสอบ GCE “O” ได้ ส่วนนักเรียนที่ได้คะแนน GCE “N” ไม่ดี หรือไม่สามารถสอบผ่าน GCE “O” ได้ในปีที่ 5 ก็สามารถศึกษาต่อทางสายเทคนิค หรืออาชีวะในสถาบันอาชีวะศึกษา หรือ ITE (Institutue of Technical Education) ได้

อย่างไรก็ดี นักเรียนสามารถจะย้ายจากแผนการเรียนจากแบบปกติไปเป็นแบบพิเศษ หรือย้ายจากแบบพิเศษ ไปเป็นแบบปกติได้ ขึ้นอยู่ผลการเรียนของนักเรียนเป็นหลัก

หลักสูตรมัธยมศึกษาจะประกอบด้วยวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ภาษาแม่ (จีน มาเลย์ หรือทมิฬ) วิทยาศาสตร์และมนุษยศาสตร์ โดยในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนสามารถเลือกได้ว่าจะเลือกเรียนสายศิลป์ สายวิทย์ สายธุรกิจ หรือสายวิชาชีพ หลักสูตรการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษาของสิงคโปร์ได้รับการยอมรับในระดับโลกว่า ทำให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และมีความคิดสร้างสรรค์

ภาคการศึกษาของสิงคโปร์ แบ่งเป็น 4 เทอม ระหว่างเทอมจะมีช่วงพัก คือ

• มกราคม - มีนาคม เรียน 10 สัปดาห์ พัก 1 สัปดาห์
• มีนาคม - มิถุนายน เรียน 10 สัปดาห์ พัก 1 สัปดาห์
• กรกฎาคม - กันยายน เรียน10 สัปดาห์ พัก 1 สัปดาห์
• สิงหาคม - ธันวาคม เรียน 10 สัปดาห์ พัก 1 สัปดาห์

การเตรียมตัวเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย

วิทยาลัย (Junior College) และสถาบันการศึกษากลาง (Centralized Institute) หลังผ่านการทดสอบ GCE “O” Level นักเรียนสามารถเลือกเข้าเรียนในวิทยาลัยหลักสูตร 2 ปี หรือสถาบันการศึกษากลาง 3 ปี เพื่อเตรียมตัวศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้การจะได้เข้าเรียนในวิทยาลัย หรือสถาบันขึ้นอยู่กับผลการสอบ GCE “O” Level หลักสูตรสำหรับนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาประกอบด้วย 2 วิชาบังคับ คือวิชาความรู้ทั่วไป และภาษาแม่ กับวิชา สำหรับสอบ Singapore Cambridge General Certificate of Education “Advanced” (GCE “A”) ไม่เกิน 4 วิชา จากวิชาเลือก เช่น วรรณคดี เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศิลปะ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพ คอมพิวเตอร์และบัญชี เมื่อสอบผ่าน GCE “A” จึงจะมีสิทธิเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยซึ่งนักเรียนสามารถนำผลสอบนี้ไปสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ทั่วโลก หากสอบไม่ผ่าน นักเรียนจะยังได้ GCE “O” เหมือนเดิม และสามารถเรียนต่อโปลีเทคนิคได้

โปลีเทคนิค (Polytechnic) เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนหลักสูตรวิชาชีพ โดยผู้เรียนจะได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพหลังจากจบการศึกษา 3 ปี หลักสูตรที่เปิดสอนมีให้เลือกมากมายตามความสนใจของนักเรียน เช่น ทางด้านวิศว ธุรกิจ สื่อสารมวลชน พยาบาล ฯลฯ เมื่อเรียนจบแล้วสามารถทำงานได้เลย นักเรียนที่มีผลการเรียนดีในอันดับต้นๆ ของโรงเรียน ก็สามารถเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้

สถาบันศึกษาด้านเทคนิค หรือ ITE (Institutes of Technical Education) เป็นอีกระบบหนึ่งของการศึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการทักษะด้านการปฏิบัติ ให้ความรู้สำหรับนักเรียนมัธยมที่ต้องการจะออกไปประกอบอาชีพ หรือผู้ที่ทำงานแล้วแต่ต้องการมาเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการทำงานด้านเทคนิค ซึ่งเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมต่าง ๆ สำหรับนักเรียนที่สอบ GCE “O” ไม่ผ่าน ก็สามารถเข้าเรียนต่อได้ที่สถาบัน ITE หากผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีก็สามารถเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนโปลีเทคนิค และยังต่อเนื่องเข้ามหาวิทยาลัยได้เช่นกัน

มหาวิทยลัยของสิงคโปร์มีอยู่ 3 แห่ง ทั้ง 3 แห่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในด้านมาตรฐานการศึกษาได้ผลิตนักศึกษาปริญญาที่มีคุณภาพออกมามากมาย นอกจากนี้ยังให้โอกาสแก่นักศึกษาที่มีความรู้แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยให้ทุนเพื่อการศึกษาและวิจัยในระดับปริญญาโท

1. National University of Singapore (NUS) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1905 มุ่งเน้นให้นักศึกษามีการพัฒนาด้านการวิจัย และค้นคิดประดิษฐกรรมใหม่ๆ เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง มีมาตรฐานและคุณภาพการเรียนการสอนในเกณฑ์ที่สูง มีสาขาวิชาที่เปิดสอน อาทิ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์เทคโนโลยี่ คณะนิติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์เป็นต้น

2. Nanyang Technological University (NTU) ก่อตั้งเมื่อปี 1981 เด่นในด้านงานวิจัย และเทคโนโลยีวิศวกรรม ไ

3. Singapore Management University (SMU) ก่อตั้งเมื่อปี 2000 เป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นทางด้านธุรกิจและการจัดการ