study abroad
CANADA

แคนาดาเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการครองชีพสูง รัฐบาลให้สวัสดิการ และดูแลประชากรในระดับที่ดีติดอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากมีจำนวนประชากรน้อยประมาณ (30 ล้านคนโดยประมาณ) เมื่อเทียบกับทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่มากมาย ประชากรจึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพมาจากประเทศต่างๆ ในแถบยุโรป นอกจากนี้ยังมีผู้อพยพจากแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียน วัฒนธรรมของแคนาดาจึงผสมผสานกันระหว่างหลายๆ วัฒนธรรม ภาษาราชการที่ใช้มี 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส ซึ่งจะใช้เฉพาะในมณฑล Quebec​

โดยทั่วไปค่อนข้างเย็นและมีความหลากหลาย ตั้งแต่ขั้วโลกเหนือที่หนาวเย็นเป็นน้ำแข็ง ไปจนถึงแนวป่าอันเขียวขจีแถบชายฝั่งของบริติชโคลัมเบีย อุณหภูมิในช่วงกลางวันในฤดูร้อนอยู่ในช่วง 35 องศาเซลเซียส หรือร้อนกว่านั้นแต่จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น ในขณะที่อุณหภูมิต่ำสุดในฤดูหนาวอาจติดลบถึง 18 องศาเซลเซียส แบ่งออกเป็น 4 ฤดู แต่ละฤดูก็จะมีความสวยงามของธรรมชาติแตกต่างกันออกไป
• ฤดูร้อน (SUMMER) จะอยู่ในช่วงเดือน มิถุนายน - สิงหาคม
• ฤดูใบไม้ร่วง (FALL) จะอยู่ในช่วงเดือน กันยายน - พฤศจิกายน
• ฤดูหนาว (WINTER) จะอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์
• ฤดูใบไม้ผลิ (SPRING) จะอยู่ในช่วงเดือน มีนาคม - พฤษภาคม​​

สถาบันการศึกษาในแคนาดาจะมีทั้งสถาบันของรัฐบาล และเอกชน เรื่องของนโยบายและการศึกษาถือว่าเป็นความรับผิดชอบของแต่ละมณฑล ดังนั้นระบบการศึกษาในมณฑลต่างๆ จึงมีความแตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้วทุกมณฑลจะมีมาตรฐานการศึกษาที่สูงใกล้เคียงกันซึ่งรับรองคุณภาพโดยรัฐบาลแคนาดา ระบบการศึกษาในแคนาดาแบ่งออกได้ตามระดับ ดังนี้

1. ระดับประถมศึกษา

จะเริ่มจากอนุบาลเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ หลังจากนั้นเด็กชาวแคนาดาจะเข้าสู่การศึกษาภาคบังคับระดับประถมศึกษาซึ่งเรียกว่า Grade 1เรื่อยไปจนถึง Grade 6 หรือ 8 (ขึ้นอยู่กับระบบของมณฑลนั้นๆ) ชั้นประถมศึกษาในแต่ละมณฑลมีความแตกต่างกันดังนี้ คือ
มณฑลที่มีชั้นประถม 1 - 8 คือ Quebec และ Manitoba
มณฑลที่มีชั้นประถม 1 - 7 คือ British Columbia และ Yukon
มณฑลที่มีชั้นประถม 1 - 6 คือ ทุกมณฑลยกเว้น Quebec, Manitoba, British Columbia และ Yukon

2. ระดับมัธยมศึกษา

โรงเรียนรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นแบบสหศึกษา นักเรียนต่างชาติจะถูกบังคับเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษอีกหนึ่งวิชา สำหรับโรงเรียนเอกชนซึ่งจะต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการในมณทลนั้นๆ จะมีทั้งแบบสหศึกษา แบบหญิงล้วน หรือชายล้วน มีทั้งแบบโรงเรียนประจำ และไปกลับ จำนวนปีการศึกษาจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละมณฑล โดยรวมนักเรียนจะใช้เวลาเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาเท่ากับ 12 ปี ยกเว้นที่ควิเบค และออนตาริโอที่จะมีระบบชั้นมัธยมเพิ่มอีก 1 ปี รวมเป็น 13 ปี ซึ่งเมื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยจะใช้เวลาเรียนอีกเพียง 3 ปี ก็จะได้รับปริญญาตรี ในขณะที่ระบบมัธยมแบบ 12 ปี จะต้องใช้เวลาเรียนในมหาวิทยาลัย 4 ปี การรับนักเรียนต่างชาติเข้าศึกษาต่อจะขึ้นอยู่กับนโยบายของโรงเรียนนั้นๆ ​

3. ระดับอุดมศึกษา

เป็นการศึกษาหลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยทั่วไปหมายถึงมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัย สถาบันการศึกษาของแคนาดาเป็นที่ยอมรับกันดีในระดับสากลในเรื่องมาตรฐานการเรียน และงานวิจัยที่มีคุณภาพ และได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานเทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยในอเมริกา และสหราชอาณาจักร สถาบันเหล่านี้ จะเปิดสอนในหลักสูตรต่างๆ ทั้งหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น จนกระทั่งถึงหลักสูตรระดับปริญญาตั้งแต่อนุปริญญา ปริญญาตรี โท และเอก

เป็นสถาบันที่เปิดสอนทางด้านทักษะทางวิชาชีพต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นผลิตนักศึกษาเพื่อออกสู่ตลาดแรงงาน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีสาขาวิชาให้เลือกมากมาย หลักสูตรมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจของชาติ และกระแสตลาดแรงงาน อีกทั้งค่าเล่าเรียนไม่สูงจนเกินไป ผู้ที่จบการศึกษาจากสถาบันเหล่านี้สามารถหางานทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาศึกษาเพียง 1 – 3 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจบการศึกษาภายในระยะเวลาอันสั้น หรือผู้มีเวลาน้อย แต่หลายๆ สถาบันก็จะมีหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องคือเรียนที่สถาบันประมาณ 1-2 ปีและนำวุฒิที่ได้ไปศึกษาต่อเนื่องในระดับปริญญาตรีต่อไป​​

3. ระดับมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยในประเทศแคนาดามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็กที่มีนักศึกษาไม่ถึง 1,000 คน เรื่อยไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีนักศึกษามากกว่า 35,000 คน แคนาดาไม่มีระบบการสอบเอ็นทรานซ์ แต่ละมหาวิทยาลัยจะกำหนดนโยบาย และพิจารณารับนักศึกษาอง นักศึกษาสามารถเลือกเข้าสถาบันที่ใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศส ได้ตามความถนัด
หลักสูตรระดับปริญญาตรีในประเทศแคนาดามีหลักสูตรปริญญาตรีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งปกติใช้เวลาเรียน 3 – 5 ปี คือ
1. GENERAL PASS DEGREES เป็นหลักสูตรปริญญาตรีวิชาทั่วไป เช่น หลักสูตรทางการศึกษา ธุรกิจ
2. HONOURS DEGREES เป็นหลักสูตรที่นักศึกษาจะต้องเรียนเพื่อให้ได้หน่วยกิตมากกว่าหลักสูตรแบบ General Pass Degrees และจะต้องเขียนวิทยานิพนธ์เพื่อใช้ในการสมัครเรียนปริญญาโท จึงต้องใช้เวลาศึกษามากกว่า
ทั้ง 2 หลักสูตรมหาวิทยาลัยในบางแห่งอาจต้องใช้เวลาในการเรียนมากกว่า 5 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตรทางด้านวิชาชีพ ซึ่งจะต้องมีการฝึกงาน (Co-op Program) โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย และหน่วยงานที่นักศึกษาจะไปฝึกงาน อาทิ สาขาบัญชี สถาปัตยกรรม และวิศวกรรมศาสตร์​​

ปกติหากต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทจะใช้เวลาประมาณหนึ่งปีครึ่งถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสถาบัน และนักศึกษาว่าต้องการจะเลือกเรียนแบบ Coursework คือฟังคำบรรยายและเขียนรายงาน หรือเลือกทำวิทยานิพนธ์ แลัวสอบประมวลความรู้ (Comprehensive Examination) หรืออาจจะเลือกทั้งสองแบบ คือทำ Coursework ควบคู่ไปกับการเขียนวิทยานิพนธ์ก็ได้ ซึ่งงานวิจัย หรือวิทยานิพนธ์นี้สามารถนำไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกได้ด้วย
ค่าธรรมเนียม และค่าเล่าเรียน ราคาจะไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ แต่เนื่องจากสถาบันส่วนใหญ่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลค่อนข้างมาก จึงต้องมีการจำกัดจำนวนนักเรียนต่างชาติไว้
ปริญญาเอกใช้เวลาเรียนประมาณ 3 – 5 ปีในการทำรายงานวิจัย และวิทยานิพนธ์ ส่วนหลักสูตรวิชาควบคุม เช่น กฎหมาย แพทยศาสตร์ คุรุศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์ จะต้องผ่านการฝึกหัด เพื่อนำปขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ​

FALL SEMESTER คือ ภาคเรียนที่ 1 เริ่มประมาณเดือนกันยายน - เดือนธันวาคม
WINTER SEMESTER คือ ภาคเรียนที่ 2 เริ่มประมาณเดือนมกราคม - เดือนเมษายน
*หมายเหตุ ภาคฤดูร้อน (SUMMER) จะเริ่มในเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม จะเปิดสอนเฉพาะในมหาวิทยาลัยบางแห่งเท่านั้น​