01.09.16



ความในใจคุณแม่ผู้ส่งลูกไป Summer Camp ที่อังกฤษ



“ซัมเมอร์ประเทศอังกฤษที่เมืองบาธ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยที่สุด”







การส่งลูกไป Summer Camp ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณพ่อคุณแม่หลายท่าน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องใหญ่คือความเป็นห่วง กังวลใจ กับการที่ลูกน้อยต้องเดินทางไปไกล แถมยังไปอยู่กับคนที่ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย เป็นเวลานานนับเดือน คำถามที่มักจะผุดขึ้นในใจคือ ลูกจะอยู่ได้ไหม เพราะสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ อาหารการกิน ก็แสนจะแตกต่าง และที่สำคัญความปลอดภัยจะมีมากมีน้อยเพียงใด


คุณติ้ม คุณแม่วัยสี่สิบต้นๆผู้มีลูกสาวคนเดียวคือน้องกระติ๊บ(ปัจจุบันอายุ 12 ปี) ก็มีมุมมองที่ไม่แตกต่างกันนักกับคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ในเรื่องนี้ แต่คุณติ้มเล็งเห็นว่าภาษาอังกฤษจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับอนาคตของลูก และต้องการให้น้องกระติ๊บเก่งภาษาอังกฤษ และคุณติ้มได้ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะฝึกลูกสาวในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ลูกได้เข้าเรียน English Programในโรงเรียน หรือการเรียนพิเศษในสถาบันต่างๆ อีกทั้งสถาบันสอนภาษามีมากมาย แต่เธอมั่นใจและเลือกที่จะไว้ใจ สถาบันที่ได้รับการรับรอง จากบริติชเคาซิล (British Council)





คุณติ้มเล่าให้ฟังว่า “ลูกสาวไม่มีความมั่นใจในภาษาอังกฤษเลยค่ะ ขนาดให้เรียน English Program ตั้งแต่อนุบาล ทั้งๆที่เรียนกับครูชาวต่างชาติ พอขึ้นประถมหนึ่งก็ให้ไปเรียนพิเศษที่สถาบันชื่อดัง แต่ก็ไม่ดีขึ้น แค่เห็นป้ายโรงเรียนก็ร้องแล้วค่ะ ติ้มจึงตัดสินใจซึ่งถือว่ายากมากที่จะส่งลูกวัยสิบขวบไปต่างประเทศ”

เมื่อเกิดคำถามว่าจะส่งลูกสาวไปเข้า Summer Camp ที่ไหนดี ?

บาธเป็นคำตอบแรก เพราะความประทับใจในเมืองบาธ ตั้งแต่ครั้งที่คุณติ้มเคยไปอังกฤษ และมีโอกาสไปเที่ยวชมเมืองบาธ (Bath) ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงาม และยังคงศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของอังกฤษ จนได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก และที่สำคัญเป็นเมืองที่สงบและมีความปลอดภัยสูงมาก










“ดิฉันอยากให้ลูกได้มีโอกาสไปเรียนกับเจ้าของภาษา แต่ก็ไม่อยากจัดการเองเพราะความยุ่งยากในการที่ต้องประสานงานเอง เสียทั้งเวลาและเงิน แล้วก็เป็นห่วงหากลูกต้องเดินทางตามลำพัง จึงอยากได้เอเยนซี่ที่จะช่วยประสานงานและสามารถวางใจให้ดูแลลูกได้ จนได้ไปงาน Info Day ที่บริติชเคาน์ซิลจัดและได้พบกับเอเยนต์ที่จัดไปเรียนที่เมืองบาธ คือ บ.ไอดีลเอ็ดดูเคชั่น ก็ได้พูดคุยกันและลองส่งลูกไปกับที่นี่ครั้งแรก ตอนน้องอายุได้สิบขวบ”


น้องกระติ๊บวัย 12 ปี ลูกสาวผู้ไป Summer Camp ที่เมืองบาธถึง 2 ปีซ้อน (ตอนอายุ 10 และ 11 ขวบ) ก็ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ในครั้งแรกว่า


“ตอนไปใหม่ๆ กลัวไปหมด กลัวพูดผิด กลัวสำเนียงไม่ได้ แล้วเค้าจะไม่รู้เรื่อง แต่พอเราพูดแล้วผิดเค้าก็จะคอยสอน คอยแก้ให้เรา และเวลาที่เราอยู่กับคอบครัวทางโน้น เราก็ต้องพูดคุยกับเค้า ทำให้เราต้องฝึกพูดทุกวัน ติ๊บต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด นึกคิดอย่างไรก็ต้องพูดออกมาอย่างนั้น ไม่พูดก็ไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่เมืองไทย มีภาษาเดียวที่ต้องพูดออกมาให้ได้คือภาษาอังกฤษ”







อีกเหตุการณ์ที่ถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้น้องกระติ๊บต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อเอาตัวรอดคือตอนไม่สบาย


“เคยปวดท้องหนักมากค่ะ รู้ว่าต้องบอก host เพื่อพาไปหาหมอ แต่ก็ต้องบอกเป็นภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง จึง search หาคำว่าปวดท้องในอินเทอร์เน็ตจนเจอคำที่ตรงกับอาการของเราที่สุด จากนั้นจึงไปบอกเจ้าของบ้าน เขาก็พาไปหาหมอค่ะ”


การไปเรียนที่ต่างประเทศ ทำให้ต้องฝึกฝนทั้งในและนอกห้องเรียนควบคู่กันไปและต้องใช้อยู่ตลอดเวลา รวมถึงถึงการต้องแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆทำให้น้องกระติ๊บ ที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งๆที่เธอเรียน English Program ตั้งแต่อยู่อนุบาล แต่พอไป Summer Camp เพียงเดือนเดียว เธอกลับเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม สามารถแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วฉาดฉานต่อหน้าผู้ใหญ่หลายคน ปราศจากความเก้อเขินเหมือนเด็กไทยทั่วไปที่ถูกขอให้พูดภาษาอังกฤษ


“ตอนเรียนที่เมืองไทยติ๊บกลัวไปหมดค่ะ กลัวพูดผิดแกรมม่า กลัวผิดสำเนียง กลัวครูฟังไม่รู้เรื่อง เคยเจอฝรั่งถามทางก็ไม่กล้าพูดด้วยเพราะกลัวบอกผิด แต่พอไปเข้า camp ที่อังกฤษเจอครูฝรั่งถามตลอด ชวนคุยตลอด ติ๊บก็ต้องตอบค่ะ ตอบผิดเขาก็แก้ให้ค่ะ ติ๊บก็พูดตามที่เขาแก้จนมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกต่างจากการใช้ภาษาอังกฤษกับครูในเมืองไทยค่ะ ที่รู้สึกกดดัน เหมือนถูกตำหนิ แต่พอฝรั่งที่อังกฤษแก้ให้กลับรู้สึกดีไปอีกแบบ แถมทำให้จำขึ้นใจเลยค่ะ”









ด้วยเหตุนี้การไป Summer Camp ของกระติ๊บจึงไม่ใช่เป็นการฝึกใช้ภาษาอังกฤษอย่างได้ผลเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกให้รู้จักแก้ปัญหาด้วยตนเอง ฝึกที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีความเป็นรับผิดชอบด้วยตัวเองได้มากขึ้น ถึงขนาดคุณติ้มผู้เป็นแม่กล่าวชม


“กลับจาก Summer Camp ปุ๊บดิฉันก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของเขาทันทีเลยค่ะ ที่เห็นได้ชัดคือมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ภาษาอังกฤษ ตอนนี้เขาเป็นนัมเบอร์วันของห้องด้านภาษาอังกฤษแล้วนะคะ นอกจากนี้ที่ทำให้ปลื้มมากคือน้องติ๊บรู้จักทำอะไรเอง ตื่นนอนก็พับผ้าจัดที่นอนเอง หิวก็รู้จักหาอะไรกินเองบ้าง เข้าใจเลยค่ะว่าเลี้ยงลูกแบบฝรั่งดีอย่างไร คือน้องติ๊บ กลายเป็นเด็กมีระเบียบวินัยไปทันที ดิฉันประทับใจถึงขนาดส่งเค้าไปซ้ำปีที่สองและตั้งใจจะส่งเขาไปโปรแกรมปีหน้าอีกรั้งค่ะ ส่งไปกับ agency เจ้าเดิมนี่แหละค่ะ ”


กระติ๊บอธิบายเพิ่มว่าอะไรเป็นปัจจัยให้เธอเปลี่ยนไปในทางบวก


“ไปอยู่ที่โน่นต้องปรับตัวมากๆค่ะ เริ่มตั้งแต่อาหารเช้า ติ๊บเคยกินแต่ข้าว พอไปที่โน่นก็มีแต่ซีเรียลกับนม มื้อเที่ยงก็เป็นแซนด์วิชอีก กินไม่อยู่ท้องเลย ก็ต้องบอก host ว่าติ๊บคุ้นกับการกินข้าว เขาก็แก้ปัญหาให้ นอกจากนี้ก็ต้องรู้จักดูแลสุขภาพของตนเอง เพราะอากาศเย็นค่ะ”


ใครจะเชื่อว่าเพียงเดือนเดียวก็มีผลต่อความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษรวมถึงทัศนคติและบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไป ในปีถัดจากปีแรกที่ไป น้องติ๊บจึงชักชวนเพื่อนๆให้ไปร่วมเรียนSummer Camp กับเธอด้วยอีกหลายคน


“อยากให้เพื่อนๆวัยเดียวกับติ๊บลองไปนะคะ แค่เดือนเดียวเอง แต่มีผลดีมากมาย แน่นอนว่าภาษาอังกฤษดีขึ้น แถมยังทำให้รู้จักแก้ปัญหาเองด้วย ติ๊บแนะนำเพื่อนให้ไป Summer Camp หลายรายแล้วค่ะ”


Tag: ศึกษาต่อต่างประเทศ, ซัมเมอร์ประเทศอังกฤษที่เมืองบาธ, Summer UK Course British Council, เรียนซัมเมอร์ต่างประเทศ, Summer School UK-BATH